Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
Hiểu về Supply là gì: Chìa khóa quan trọng để đánh giá giá trị tài sản trên thị trường tài chính
Supply และ Demand นับได้ว่าเป็นหัวใจของการเคลื่อนไหวราคาในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล แนวคิดง่ายๆ นี้สามารถช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าเหตุใดราคาจึงเพิ่มขึ้นหรือลดลง และสำคัญยิ่งกว่านั้นคือการคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวในอนาคต
Supply คืออะไร: ความต้องการขายและการจำหน่ายสินทรัพย์
ในความหมายทั่วไป Supply หมายถึง ปริมาณสินค้าหรือบริการที่ผู้ขายเต็มใจเสนอขายที่ระดับราคาต่างๆ เมื่อนำแนวคิดนี้มาใช้ในตลาดการเงิน Supply จึงหมายถึงปริมาณหลักทรัพย์ (เช่น หุ้น พันธบัตร) ที่มีอยู่ในตลาดในช่วงเวลาหนึ่ง
เส้นโค้ง Supply และกฎหลักการ
เมื่อเราพล็อตความสัมพันธ์ระหว่างราคากับปริมาณที่ผู้ขายเสนอขาย เราจะได้เส้นโค้ง Supply (Supply Curve) กฎของ Supply บ่งชี้ว่า:
ความสัมพันธ์แบบตรงนี้ต่างจากความต้องการซื้อ (Demand) ที่มีความสัมพันธ์แบบผกผันกับราคา
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Supply ในตลาดการเงิน
Supply ไม่ได้คงที่ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:
Demand คืออะไร: แรงซื้อและความต้องการสินทรัพย์
Demand หรือความต้องการซื้อ คือ ปริมาณสินทรัพย์ที่นักลงทุนหรือผู้ซื้อยินดีซื้อที่ระดับราคาต่างๆ เส้นโค้ง Demand (Demand Curve) แสดงความสัมพันธ์แบบผกผัน:
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อ Demand
ดุลยภาพราคา (Equilibrium): จุดที่ Supply และ Demand บรรจบกัน
ราคาที่เกิดขึ้นจริงในตลาดมักเป็นราคาดุลยภาพ นั่นคือจุดที่เส้น Supply และเส้น Demand ตัดกัน ที่จุดนี้:
หากราคาสูงกว่าดุลยภาพ: ผู้ขายปล่อยออกมากกว่าที่ผู้ซื้อต้องการ → เกิดส่วนเกิน → แรงขายรุนแรง → ราคาถูกกดให้ลดลง
หากราคาต่ำกว่าดุลยภาพ: ผู้ซื้อต้องการมากกว่าที่ผู้ขายปล่อยออก → เกิดขาดแคลน → แรงซื้อรุนแรง → ราคาถูกกดให้สูงขึ้น
Supply และ Demand กับการวิเคราะห์ราคาหุ้น
หุ้นและสินทรัพย์ทางการเงินสามารถวิเคราะห์ได้โดยใช้หลักการเดียวกัน ความสำคัญของการเข้าใจ Supply คือจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าราคาเปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่เพราะสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของแรงซื้อ (Demand) และแรงขาย (Supply)
ในการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
ราคาหุ้นสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับอนาคตของบริษัท:
ในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis)
นักเทรดใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อมองเห็น Supply และ Demand ผ่านการเคลื่อนไหวของราคา:
Price Action และแท่งเทียน (Candlestick)
แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)
แนวโน้มราคา (Market Trend)
Demand Supply Zone: กลยุทธ์การเทรดขั้นสูง
Demand Supply Zone คือเทคนิคการเทรดที่ใช้การติดตามเขตที่มี Supply หรือ Demand ส่วนเกินที่สำคัญ เมื่อราคาเคลื่อนตัวออกจากเขตนั้นอย่างรวดเร็ว (Drop หรือ Rally) มักจะตามด้วยการพักตัวในกรอบสำหรับให้ Supply/Demand สมดุลกัน
รูปแบบการเทรด Reversal (การกลับตัว)
1) DBR (Demand Zone Drop Base Rally) - ขาลงแล้วกลับขึ้น
2) RBD (Supply Zone Rally Base Drop) - ขาขึ้นแล้วกลับลง
รูปแบบการเทรด Continuation (การต่อเนื่อง)
1) RBR (Demand Zone Rally Base Rally) - ขาขึ้นต่อเนื่อง
2) DBD (Supply Zone Drop Base Drop) - ขาลงต่อเนื่อง
วิธีนำ Supply และ Demand ไปใช้ในการจับจังหวะซื้อขาย
ขั้นตอนการวิเคราะห์
1) ระบุเขต Supply/Demand ที่สำคัญ ค้นหาพื้นที่ที่ราคาเคยตัดสินใจเปลี่ยนทิศทาง โดยดูจากจุดที่:
2) ติดตามการเชื่อมโยงของแรงขาย/ซื้อ
3) เข้าทำรายการที่จุดที่มีความเสี่ยงต่ำ
4) ตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) อย่างชาญฉลาด ตั้งอยู่ด้านนอกกรอบพักตัว เพื่อให้มีแคนโตสำหรับแรงตรงข้าม
เคล็ดลับพิเศษ
สรุป: ทำไม Supply จึงสำคัญต่อนักลงทุน
Supply คืออะไร นั้นไม่ใช่แค่คำศัพท์เศรษฐศาสตร์ แต่เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ที่จริงจัง ทั้งนักลงทุนระยะยาวและนักเทรดระยะสั้นสามารถใช้แนวคิดนี้ได้:
คำสำคัญคือการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การสังเกตชาร์ตราคาจริง และการปรับปรุงทักษะตามประสบการณ์ การเข้าใจ Supply และ Demand ช่วยให้นักลงทุนไม่ติดใจกับการเปลี่ยนแปลงราคาแบบสุ่ม แต่มองเห็นเหตุผลพื้นฐานของการเคลื่อนไหว