Nhà đầu tư cần biết: Lợi nhuận trên mỗi cổ phiếu (EPS) dùng để làm gì trong quyết định mua cổ phiếu

เมื่อลงทุนในตลาดหุ้น บทบาทสำคัญของนักลงทุนคือการใช้ข้อมูลทางการเงินมากมายในการตัดสินใจ หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ที่เป็นตัวช่วยสำคัญคือ “EPS” หรือ “กำไรต่อหุ้น” ซึ่งบอกให้ทราบว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรให้กับผู้ถือหุ้นแต่ละคนได้เท่าไร แต่ EPS ก็เหมือนเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีข้อดีและข้อจำกัด ในบทความนี้จะแชร์วิธีการใช้ EPS อย่างถูกต้องและรอบด้าน

นักลงทุนใช้ EPS เพื่ออะไร เรียนรู้ประเมินคุณภาพบริษัท

ในขั้นตอนแรกของการลงทุน นักลงทุนมักจะเปรียบเทียบค่า EPS ของบริษัทหลายตัวเพื่อดูว่าบริษัทไหนมีการทำกำไรที่ดี การเปรียบเทียบนี้สามารถทำได้สองวิธี คือ ลองเอา EPS ของบริษัทมาเทียบกับเพื่อนบ้านในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือเอามาเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่บริษัทเคยได้ในอดีต เพื่อดูว่าบริษัทกำลังโตขึ้นหรือเสื่อมลงไปหรือไม่

นอกจากนั้น การศึกษาแนวโน้มของ EPS ในช่วงหลายปีก็ช่วยให้เห็นภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของบริษัท ถ้า EPS เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ มันบ่งบอกถึงบริษัทที่มีความมั่นคงและการเติบโต และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในค่า EPS นักลงทุนควรขุดลึกเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากการเพิ่มยอดขาย การลดค่าใช้จ่าย หรือปัจจัยอื่น

EPS คืออะไร กำไรต่อหุ้นอธิบายให้เข้าใจ

EPS ย่อมาจาก Earnings Per Share หรือเรียกเป็นไทยว่า กำไรต่อหุ้น เป็นสูตรทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นว่าบริษัทสร้างกำไรเท่าไรสำหรับแต่ละหุ้น

อธิบายแบบง่าย ๆ คือ นำกำไรสุทธิของบริษัท (ยอดขายลบค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ย และภาษี) แล้วหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทออกขายในตลาด ผลลัพธ์ที่ได้คือ EPS ตัวเลขนี้ช่วยให้นักลงทุนประเมินความสามารถในการทำกำไรของบริษัท

ความสำคัญของ EPS คือมันช่วยให้เปรียบเทียบบริษัทได้ง่ายกว่า แม้ว่าบริษัทสองตัวจะมีกำไรสุทธิเท่ากัน แต่ถ้าจำนวนหุ้นที่ออกขายไม่เท่ากัน ค่า EPS ก็จะแตกต่างกัน และนี่คือข้อมูลที่สำคัญสำหรับการลงทุน

วิธีคำนวณ EPS ทำความเข้าใจสูตรและตัวอย่างจริง

สูตรพื้นฐานการหา EPS

EPS = กำไรสุทธิ ÷ จำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว

หากต้องการหาจำนวนหุ้นแต่ไม่ทราบตัวเลขนี้ สามารถใช้สูตร:

จำนวนหุ้นทั้งหมด = มูลค่าตลาด (Market Cap) ÷ ราคาหุ้นปัจจุบัน

ตัวอย่างการคำนวณ EPS ง่าย ๆ

สมมติมีบริษัท 3 บริษัท ต่างกันยังไง

  • บริษัท AA: กำไรสุทธิ 1,000,000 บาท ÷ 1,000 หุ้น = EPS 1,000 บาท/หุ้น
  • บริษัท BB: กำไรสุทธิ 1,000,000 บาท ÷ 2,000 หุ้น = EPS 500 บาท/หุ้น
  • บริษัท CC: กำไรสุทธิ 500,000 บาท ÷ 500 หุ้น = EPS 1,000 บาท/หุ้น

ที่น่าสนใจคือ AA และ BB ทำกำไรเท่ากัน แต่ AA มีหุ้นน้อยกว่า ทำให้ EPS สูงกว่า ส่วน CC ทำกำไรน้อยกว่า แต่เพราะจำนวนหุ้นน้อยมาก EPS ของมันจึงเทียบเท่ากับ AA

ตัวอย่างจากบริษัทจริง

ในปีงบประมาณ บริษัท PTT เปิดเผยว่า:

  • กำไรสุทธิ: 91,174.86 ล้านบาท
  • จำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว: 28,562.9963909774 หุ้น
  • EPS = 91,174.86 ÷ 28,562.9963909774 = 3.19 บาท/หุ้น

หากไม่อยากคำนวณเอง ลองเข้าเว็บไซต์ SET (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) > ค้นหาชื่อหุ้น > ตรวจสอบในส่วน “ผลประกอบการสำคัญ” (EPS จะแสดงอยู่ที่นั่น)

ใช้ EPS ในการคำนวณตัวชี้วัดอื่น ๆ เครื่องมือลึก ๆ สำหรับนักลงทุน

PE Ratio: ตรวจสอบว่าหุ้นโดนราคาแพงไหม

PE Ratio (Price-to-Earnings Ratio) = ราคาหุ้นปัจจุบัน ÷ EPS

PE Ratio บอกว่าต้องใช้เวลากี่ปีในการคืนทุน ตัวเลขนี้ยิ่งต่ำ บริษัทก็ยิ่งดูราคาเหมาะสม (เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตของบริษัท ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม หรือค่าเฉลี่ยตลาดหุ้น)

ตัวอย่าง: ราคาหุ้น 100 บาท EPS 10 บาท → PE Ratio = 10 เท่า

EPS Growth: วัดความเติบโตของกำไร

EPS Growth = (EPS ปีนี้ - EPS ปีที่แล้ว) ÷ EPS ปีที่แล้ว × 100%

ตัวชี้วัดนี้แสดงว่ากำไรต่อหุ้นเติบโตแค่ไหน หากเป็นบวก แสดงว่าบริษัทกำลังสร้างกำไรเพิ่มขึ้น หากเป็นลบ แสดงว่ากำไรลดลง

ตัวอย่าง: EPS ปี 2022 = 12 บาท, EPS ปี 2021 = 8 บาท → EPS Growth = (12-8) ÷ 8 × 100% = 50%

Dividend Payout Ratio: ดูบริษัทจ่ายปันผลเท่าไหร่

Dividend Payout Ratio = ปันผลต่อหุ้น ÷ EPS × 100%

สูตรนี้แสดงว่าบริษัทนำกำไรไปจ่ายให้ผู้ถือหุ้นเป็นปันผลเท่าไหร่ นักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอมักสนใจตัวเลขนี้

ตัวอย่าง: ปันผลต่อหุ้น 5 บาท, EPS 10 บาท → Dividend Payout Ratio = 50%

ความแตกต่างระหว่าง Basic EPS, Diluted EPS และ Adjusted EPS

เมื่อศึกษาข้อมูล EPS จะพบว่ามีประเภทต่าง ๆ บริษัทจึงรายงานหลายค่า มาทำความเข้าใจ

Basic EPS: ค่า EPS ทั่วไป

เป็นการคำนวณเพียงแค่นำกำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกขายทั้งหมด ไม่คำนึงถึงหุ้นศักยภาพเพิ่มเติม (เช่น หุ้นที่อาจเกิดจากการใช้สิทธิซื้อหรือการแปลงพันธบัตร)

Diluted EPS: ค่า EPS ที่ “เปิดกว้าง” มากขึ้น

ถ้านึกว่าหุ้นศักยภาพที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเข้ามา (เช่น stock options, convertible bonds) ค่า EPS จะลดลง เพราะแบ่งกำไรให้มากขึ้น Diluted EPS มักต่ำกว่า Basic EPS

Adjusted EPS: ค่า EPS ที่ปรับแล้ว

เป็นการปรับข้อมูลทางการเงิน โดยเพิ่มหรือลบรายการพิเศษ เพื่อให้เห็นภาพจริงของการทำกำไรปกติของบริษัท (ตัดรายการที่เกิดครั้งเดียว)

EPS ที่ดีและข้อจำกัดของมัน

EPS ที่ดีเป็นยังไง

ถ้าจะพูดแบบตรง ๆ ค่า EPS ที่สูงไม่ได้หมายถึงบริษัทดีเสมอไป ตัวเลขสูงอาจเกิดจากการซื้อกลับหุ้น (Stock Buyback) ซึ่งลดจำนวนหุ้นแต่ไม่ได้เพิ่มกำไรแท้จริง

ค่า EPS ที่ดีควรได้แก่:

  • เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในระยะยาว แสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง
  • มีการเติบโตที่สมเหตุสมผล จากการเพิ่มยอดขายและการควบคุมค่าใช้จ่าย

ข้อจำกัดของ EPS ต้องรู้

1. ไม่คำนึงถึงความเสี่ยง - บริษัทที่มี EPS สูงอาจมีความเสี่ยงสูงก็ได้

2. ข้อมูลเป็นอดีต - EPS ที่ประกาศนี้เป็นข้อมูลย้อนหลัง อาจไม่สะท้อนอนาคต

3. ไม่คำนึงราคาหุ้น - EPS สูงไม่ได้หมายว่าราคาหุ้นคุ้มค่า ต้องดู PE Ratio ด้วย

4. บริษัทอาจปรับแต่งตัวเลข - ข้อมูล EPS เป็นสิ่งที่บริษัทรายงาน อาจมีการปรับปรุงให้ดูดีขึ้น

5. ต้องเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดอื่น - ห้ามใช้ EPS เพียงตัวเดียว ต้องรวมกับ PE Ratio, EPS Growth, Dividend Payout Ratio เป็นต้น

วิธีที่นักลงทุนควรใช้ EPS ในการตัดสินใจ

ขั้นตอนที่ 1: เปรียบเทียบ EPS ของบริษัทที่สนใจกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ดูว่าใครเก่งกว่า

ขั้นตอนที่ 2: ติดตามแนวโน้ม ว่า EPS ของบริษัทเพิ่มขึ้นหรือลดลง ในช่วง 3-5 ปี

ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบสาเหตุ เมื่อ EPS เปลี่ยนแปลง มาจากไหน ปกติหรือเป็นการเกิดเพียงครั้งเดียว

ขั้นตอนที่ 4: คำนวณ PE Ratio เพื่อดูว่ากำไรของบริษัทกับราคาหุ้นสัดส่วนสมเหตุสมผลหรือไม่

ขั้นตอนที่ 5: ดู EPS Growth ว่ากำไรต่อหุ้นเติบโตแค่ไหน บริษัทที่มี EPS Growth บวก และสม่ำเสมอถือว่าดี

ขั้นตอนที่ 6: ใช้ EPS เป็นหนึ่งในตัวชี้วัด ไม่ใช่ตัวชี้วัดเดียว ให้รวมกับข้อมูลอื่น เช่น แนวโน้มยอดขาย ความแข็งแกร่งของงบประมาณ การแข่งขันในอุตสาหกรรม

สรุป: EPS คือเครื่องมือที่ต้องใช้ให้เป็น

EPS เป็นตัวชี้วัดที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน แต่มันไม่ใช่กัญชลแห่งการลงทุนสำเร็จ นักลงทุนที่ฉลาดจะใช้ EPS เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ที่กว้างขวาง รวมกับการศึกษาโครงสร้างกำไร ความเสี่ยงทางธุรกิจ การเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่ง และตัวชี้วัดทางการเงินอื่น ๆ อีกมากมาย

ที่สำคัญ ห้ามให้ EPS เพียงค่าเดียวตัดสินใจแทนคุณ ให้เวลากับการศึกษา ดูแนวโน้ม วิเคราะห์อย่างรอบคอบ แล้วลงทุนด้วยสติ อย่านั้นแหละจะช่วยให้เพิ่มโอกาสในการสร้างผลประกอบการที่ดีจากการลงทุนในตลาดหุ้น

Xem bản gốc
Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
  • Phần thưởng
  • Bình luận
  • Đăng lại
  • Retweed
Bình luận
0/400
Không có bình luận
  • Ghim