Esta página pode conter conteúdo de terceiros, que é fornecido apenas para fins informativos (não para representações/garantias) e não deve ser considerada como um endosso de suas opiniões pela Gate nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Isenção de responsabilidade para obter detalhes.
Margem e alavancagem: a diferença que os traders precisam conhecer
มาร์จิ้นคืออะไร - คำอธิบายว่าเป็นเงินประกัน ไม่ใช่ต้นทุน
เมื่อเริ่มต้นการเทรด คำว่า “มาร์จิ้น” มักทำให้สับสน หลายคนคิดว่ามันเป็นค่าธรรมเนียมหรือต้นทุนทางการเงิน แต่จริงๆ แล้ว มาร์จิ้น หรือ margin นั้นเป็นเพียงเงินประกันที่โบรกเกอร์ตั้งไว้เท่านั้น
เมื่อคุณเปิดตำแหน่งการเทรด โบรกเกอร์จะ “ล็อค” หรือ “หัก” ส่วนหนึ่งของเงินทุนในบัญชีของคุณ จำนวนเงินนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของตำแหน่งที่คุณเปิด ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการควบคุมตำแหน่งการเทรดมูลค่า $100,000 แต่โบรกเกอร์กำหนด margin requirement ที่ 1% คุณจะต้องใช้เงินประกัน $1,000 เท่านั้น
นี่คือแก่นของ margin - คุณไม่ได้จ่ายต้นทุน แต่โบรกเกอร์จะระงาน $1,000 จากบัญชีของคุณเพื่อแน่ใจว่าคุณสามารถครอบคลุมการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น เมื่อคุณปิดตำแหน่ง เงินประกันนี้จะถูกปล่อยกลับไปยังบัญชีของคุณทันที
วิธีคำนวณ Margin ที่ถูกต้อง
การคำนวณ margin นั้นง่ายมาก อยู่ที่สูตร:
มาร์จิ้น = มูลค่าสัญญาปัจจุบัน × อัตราส่วนมาร์จิ้น (%)
เพื่อให้เข้าใจขึ้น สมมติคุณเปิดเลเวอเรจ 200:1 (ซึ่งเทียบเท่ากับ margin requirement 0.5%) หากคุณซื้อมินิล็อตที่มูลค่า $10,000 คุณจะต้องมีเงินประกันเพียง $50 คำนวณได้จาก $10,000 × 0.5% = $50 เท่านั้น
นี่คือพลังของ margin - คุณสามารถควบคุมสัญญาขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนน้อย แต่ต้องจำไว้ว่ากำไรและขาดทุนก็ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin) - เมื่อโบรกเกอร์มีอำนาจ
หากมาร์จิ้นเริ่มต้นเป็นเงินที่คุณจ่ายเพื่อเปิดตำแหน่ง หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin หรือ MM) ก็คือจำนวนเงินขั้นต่ำที่บัญชีต้องรักษา เพื่อให้ตำแหน่งยังคงเปิดอยู่
โบรกเกอร์กำหนดให้เงินทุนของคุณต้องไม่ต่ำกว่า 50% ของ margin เริ่มต้น (หรือตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม) ถ้าเงินทุนตกต่ำกว่านี้ คุณก็จะเผชิญกับ Margin Call
ลองดูตัวอย่าง: หากคุณจ่ายมาร์จิ้นเริ่มต้น $1,000 หลักประกันรักษาสภาพจะอยู่ที่ $500 ตราบใดที่เงินทุนในบัญชียังสูงกว่า $500 ตำแหน่งของคุณจะปลอดภัย แต่ถ้าการเทรดขาดทุนและเงินทุนลดลงเหลือ $400 คุณจะต้องฝากเงินเพิ่ม $100 เพื่อรักษาตำแหน่ง
วิธีคำนวณหลักประกันรักษาสภาพ
สูตรนี้ช่วยคุณประมาณความเสี่ยง:
หลักประกันรักษาสภาพ = มูลค่าสัญญาแบบเรียลไทม์ × อัตราส่วนเงินประกันรักษาสภาพ (%)
อัตราส่วนเงินประกันรักษาสภาพ (%) = อัตราส่วนมาร์จิ้น (%) × 50%
ถ้ามาร์จิ้นเริ่มต้นเป็น 0.5% อัตราส่วนเงินประกันรักษาสภาพจะเป็น 0.25% นั่นหมายความว่าคุณต้องรักษาเงินทุนให้เพียงพอสำหรับเกณฑ์นี้ เพื่อไม่ให้ระบบปิดตำแหน่งโดยไม่ได้รับการยินยอม
Margin Call - สัญญาณเตือนจากโบรกเกอร์
เมื่อเงินทุนของคุณตกต่ำกว่าระดับ maintenance margin โบรกเกอร์จะส่งแจ้ง Margin Call ให้คุณ นี่เป็นการแจ้งว่าคุณต้องฝากเงินเพิ่มเพื่อรักษาตำแหน่ง
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ถ้าคุณไม่ตอบสนองต่อ Margin Call โบรกเกอร์มีสิทธิ์ปิดตำแหน่งของคุณโดยไม่ต้องขออนุญาต นี่คือเหตุผลที่สำคัญในการจัดการเงินทุนที่ดี - ไม่ควรใช้ leverage มากเกินไป
ความสัมพันธ์ระหว่าง Margin และ Leverage
มาร์จิ้นและเลเวอเรจนั้นเชื่อมโยงกัน เลเวอเรจ 200:1 หมายความว่ามาร์จิ้น requirement เพียง 0.5% เท่านั้น ยิ่ง leverage สูง margin requirement ก็ยิ่งต่ำ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนน้อย
แต่สิ่งนี้ก็เป็นดาบสองคม - เมื่อปรับตัวผิดทาง กำไรหรือขาดทุนก็จะขยายใหญ่ขึ้นอย่างมาก ปัจจัยเล็กน้อยอาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งหมดได้
สรุป: สิ่งที่นักเทรดต้องจำ
มาร์จิ้นเริ่มต้น คือเงินประกันที่จำเป็นเพื่อเปิดตำแหน่งการเทรด ไม่ใช่ต้นทุนหรือค่าธรรมเนียม เงินนี้จะถูก “ล็อค” และคืนให้หลังปิดตำแหน่ง
หลักประกันรักษาสภาพ หรือ maintenance margin คือจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องเก็บไว้ในบัญชี เพื่อให้ตำแหน่งยังคงเปิดอยู่ โดยทั่วไปอยู่ที่ 50% ของมาร์จิ้นเริ่มต้น
Margin Call เกิดขึ้นเมื่อเงินทุนตกต่ำกว่าระดับหลักประกันรักษาสภาพ - นี่คือสัญญาณว่าคุณต้องฝากเงินเพิ่มเดือด
เลเวอเรจและมาร์จิ้น ทำงานด้วยกัน leverage สูงหมายถึง margin requirement ต่ำ แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย
การเข้าใจ margin อย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณจัดการบัญชีอย่างชาญฉลาด และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น